มีหลายคนพบว่าเมื่อมีสิวหรือหลังจากนั้น ใบหน้ายังคงมีรอยแดงอยู่ จึงรู้สึกสงสัยว่าทำไมรอยสิวยังคงอยู่ บทความนี้จะอธิบายเหตุผลที่ทำให้รอยสิวยังคงอยู่ และแนะนำวิธีการลบรอยสิวที่มีประสิทธิภาพ 4 วิธีครับ
สิวเป็นเพราะอะไรจึงทิ้งร่อง
ตามคำอธิบายจากหมอผิวหนังความงาม รอยสิวส่วนใหญ่ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ “รอยสิวสีแดง” “รอยสิวสีน้ำตาล” และ “รอยสิวหลุด” ค่ะ
สิวแดงหมายถึงเมื่อตุ่มสิวเกิดขึ้น ต่อมน้ำมันทำงานมากเกินไป ซึ่งมันจะปิดกั้นรูขุมขน และน้ำมันร่วมกับฝุ่น และเชื้อแบคทีเรีย จะทำให้เกิดการอักเสบแดง ทำให้บริเวณที่เป็นโรคเปลี่ยนเป็นสีแดง
และรอยด่างสีกาแฟหมายถึงเมื่อสิวหายแล้ว มีการสร้างเมลานินมากเกินไปและมีการตกตะกอนสี ทำให้เมลานินยังคงอยู่หลังจากสิวหายไป ซึ่งจะคงอยู่บนใบหน้าประมาณหนึ่งปี และอาจถึงสองหรือสามปีในกรณีสูงสุด
ในที่สุด รอยด่างที่เกิดจากสิวเป็นเมื่อเมื่อผิวหนังอักเสบเมื่อสิวเกิดขึ้นหรือเคยใช้มือกด นวด หรือใช้วัตถุแข็งมาสัมผัสสิว ทำให้สิวอักเสบแย่ลง ทำให้เสียหายเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ผิวหนังผิวจะเริ่มไม่เรียบ โดยสุดท้ายจะเหลือรอยด่างที่เป็น凹凸
1. การทำการลบเศษผิวหน้า
เพื่อลดรอยสิวสีน้ำตาล วิธีแรกที่ควรทำคือการใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้า เช่น ผลิตภัณฑ์ขัดผิว เพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง ช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่า และส่งผลให้สารสีของผิวหลุดออกได้เร็วขึ้น
เนื่องจากรอยด่างสีกาแฟเกิดจากเม็โลตินและการตกตะกอนสี การใช้สครับใบหน้าช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า ลดลงชั้นผิวหนัก ทำให้เมโลตินลดลง พร้อมกับขจัดส่วนหนึ่งของสี สุดท้ายก็ช่วยกำจัดรอยด่างสีกาแฟได้
2. ป้องกันการสัมผัสแสงแดด
เพื่อลดรอยด่างสีกาแฟ วิธีที่สองในการกำจัดรอยด่างคือการให้แสงแดดเจอ ด้วยรอยด่างสีกาแฟเกิดจากเม็ดสีดำและการตกตะกอนสี การกำจัดรอยด่างสีกาแฟจึงต้องลดการดูดซึมสี และแหล่งการดูดซึมสีที่พบบ่อยคือแสงแดด ดังนั้นจึงต้องทำการป้องกันแสงแดดอย่างเพียงพอเมื่อออกนอกบ้าน การป้องกันการถูกแสงแดดสามารถป้องกันผิวหนังไม่ให้ดูดซึมเม็ดสีดำ และเร่งกระบวนการกำจัดรอยด่างสีกาแฟได้
3. ครีมรักษารอยแผล
เพื่อลดรอยสิวหลุดที่มีความเป็นความลึก วิธีแรกที่ควรทำคือการใช้ครีมลดรอยแผล ในปัจจุบันเนื่องจากการเติบโตของเทคโนโลยี มีการเปิดตัววิธีการลดรอยแผลมากมายบนตลาด และรอยสิวหลุดก็เป็นหนึ่งในประเภทของแผล ดังนั้น การใช้ครีมลดรอยแผล ก็สามารถมีผลต่อรอยสิวหลุดได้บ้าง
ในปัจจุบัน มียาทาแผลหลายชนิดบนตลาด ซึ่งส่วนประกอบหลักคือซิลิโคน เหตุผลคือเมื่อผิวหนังเสียหาย จะเร่งความเร็วในการสูญเสียน้ำ พร้อมกับกระตุ้นเซลล์แม่ใยให้สร้างคอลลาเจน จะทำให้รอยแผลใหญ่ขึ้น ดังนั้นการทาซิลิโคนบนผิวหนัง จะเหมือนว่ากำลังวางฟิล์มกันน้ำบนผิว สามารถป้องกันการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนัง ป้องกันการเพิ่มขึ้นของรอยแผล ครับ
และซิลิโคนสามารถเติมเต็มรอยหลุมที่เกิดจากสิวบนผิวหนัง ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน รอยหลุมจากสิวก็เหมือนหายไปตามที่สุด
4. การรักษาผิวหน้าด้วยการใช้เลเซอร์แบบแบ่งช่วง
เพื่อลดรอยด่างบุ๋มบนผิวหน้า วิธีที่สองคือการทำการรักษาผิวด้วยเลเซอร์แบบเปลี่ยนผิวแบบเซกเม้นตามช่วง หลักการคือ การส่งพลังงานเลเซอร์ลงไปในผิวหนังเพื่อสร้างพื้นที่การรักษาที่มีความร้อนเล็กน้อย โดยส่งพลังงานไปยังเซลล์ผิวหนังเพื่อช่วยในการเพิ่มการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวที่มีรอยบุ๋มกลายเป็นเรียบเนียน โดยทั่วไปจะต้องทำการรักษา 4-6 ครั้ง จะเห็นว่ารอยบุ๋มบนผิวหน้าลดลงอย่างชัดเจน
ผ่านพลังงานช็อคสูงพร้อมกับการกระจายแสง ทำให้เซลล์ผิวแตกและสลายสีในชั้นผิวหนัง และถูกสลายออกจากร่างกายผ่านการเผาผลาญธาตุอาหาร จึงลดความเสี่ยงในการทำลายเนื้อเยื่อผิว พร้อมทำลายจุดด่างลึกในชั้นผิว ช่วยให้ผิวสวยขึ้นโดยการกำจัดรอยด่างและรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น